ใช้รถมือสองควรเลือกประกันภัยรถยนต์แบบไหนดีถึงจะคุ้ม

สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนนคงพอทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะต่อให้คุณเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการขับขี่รถขนาดไหน ก็อาจพลาดพลั้งได้บนท้องถนนที่มีผู้คนหลากหลายประเภท และหลากหลายทักษะในการขับขี่ที่แตกต่างกัน ไม่เราชนเขา เขาก็มาขนเรา ไม่รถยนต์ด้วยกัน ก็อาจเป็นรถต่างประเภท ทั้งรถเล็กอย่างรถจักรยานยนต์ หรือหนักหน่อยคู่กรณีคุณอาจจะเป็นรถใหญ่อย่างรถทัวร์ รถเมล์ หรือรถบรรทุก ถ้าโชคดีก็แคล้วคลาด แต่คงไม่ใช่กับทุกครั้งไป ฉะนั้นการมีประกันภัยรถยนต์จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับรถทุกคัน ไม่ใช่แค่รถใหม่ป้ายแดงเพียงอย่างเดียว แต่จะซื้อแบบไหนดีล่ะ ถึงจะคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไปในแต่ละปี และวันนี้เรามีคำตอบ

ทำความรู้จักประกันภัยรถยนต์แต่ละประเภท สร้างความเข้าใจเพื่อให้เลือกได้อย่างตรงใจคนใช้รถมือสอง

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1

การดูแลระดับไฮคลาสที่แลกมาด้วยเบี้ยประกันที่แพงเสียกว่าค่าผ่อนสองเดือนรวมกันเสียอีก หากประเด็นที่หาคำตอบคือข้อดี แน่นอนว่าประกันชั้น 1 ย่อมดีที่สุดอยู่แล้ว เพราะความคุ้มครองครอบคลุมทุกกรณี ทั้งแบบมีคู่กรณีและไม่มีคู่กรณี อีกทั้งยังประกันรถหาย ไฟไหม้ น้ำท่วม เรียกได้ว่าขับไปเถอะยังไงก็หายห่วง แต่หากถามถึงความคุ้มค่า ประกันชั้นหนึ่งนี้จะดูเกินตัวไปเสียหน่อย เบี้ยรายปีที่ต้องจ่าย อาจก่อให้เกิดปัญหาสภาพคล่องที่กลายเป็นปัญหาเรื้อรังตามมา

แต่ไม่ใช่ว่ารถมือสองทุกคันจะซื้อประกันภัยรถยนต์ชั้นหนึ่งได้ เพราะประกันระดับไฮคลาสนี้ มีเงื่อนไขเรื่องอายุรถที่ต้องไม่เกิน 10 ปี โดยจะดูจากปีที่จดทะเบียนเป็นสำคัญ

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2+

ลดระดับความไฮคลาสลงมาสักนิด แต่ก็ยังคงความคุ้มครองที่โดนใจ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ ที่เงื่อนไขต่างกันเพียงเล็กน้อย อาทิ ไม่สามารถเคลมร่องรอยรอบคันได้ หรือต้องได้มาซึ่งเลขทะเบียนรถคู่กรณีจึงจะสามารถแจ้งเคลมได้ แต่ยังคงดูแลในกรณีรถหาย รถไฟไหม้ น้ำท่วมอยู่ เหตุผลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้แต่แลกมาด้วยเบี้ยประกันที่ราคาสบายกระเป๋ากว่ากันเยอะ เหมาะกับรถที่มีอายุมากกว่า 4 ปีขึ้นไป เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคา แถมยังขับได้สบายใจเหมือนเดิม

ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 3+

ทางเลือกสุดประหยัดที่ยังคงมอบการดูแลที่ทำให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ในราคาเบี้ยประกันที่ประหยัดสุด ๆ เหมาะกับรถที่มีอายุตั้งแต่ 4 – 15 ปีขึ้นไป โดยประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ นี้ จะคุ้มครองความเสียหายเฉพาะของคู่กรณีเท่านั้น รถของเราต้องจ่ายเงินซ่อมเอง รวมถึงไม่ได้คุ้มครองในกรณีรถหาย รถไฟไหม้ น้ำท่วม และนี่คือข้อแตกต่างระหว่างประกันชั้น 2+ กับ 3+ โดยที่เบี้ยประกันของทั้งสองแบบต่างกันเพียงเล็กน้อยในหลักร้อย

อ่านมาถึงตรงนี้ ครบกันไปแล้วกับประกันภัยรถยนต์ทั้ง 3 แบบ คงจะพอได้คำตอบกันแล้วว่าสำหรับรถมือสองนั้น ประกันที่ออกเสียงพ้องต้องกันอย่างประกันชั้น 2+ ดูจะเป็นการเลือกความคุ้มครองที่คุ้มค่ามากที่สุด ในเบี้ยประกันที่ถูกกว่า ความคุ้มครองที่ลดน้อยกว่าชั้น 1 เพียงเล็กน้อย ยังคงคุ้มครองได้อย่างครอบคลุม ทั้งให้ความคุ้มครองรถของคุณเอง รถคู่กรณี และคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างรถสูญหาย รถไฟไหม้ และรถถูกน้ำท่วม ทำให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจ ว่าจะมีคนมาดูแลและเคียงข้างในทุกสถานการณ์ความปลอดภัยบนท้องถนน

Proudly powered by WordPress | Theme: Outfit Blog by Crimson Themes.